TradingMind

Trading Psychology Part 2.

จิตวิทยาการลงทุน ตอนที่ 2

Trading Psychology Part 2.

ขอต้อนรับเข้าสู่วันที่ 2 ของการเรียนรู้ “จิตวิทยาการลงทุน” โดยผมได้นำเนื้อหามาจากหนังสือ “ Trading in The Zone” ครับ Marc ได้เขียนแนวทางฝึกหัดสำหรับการเก็งกำไรเอาไว้ ชื่อตอนว่า “Trading an Edge like Casino” หรือการเก็งกำไรอย่างมีแต้มต่อ สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ คุณอาจสงสัยว่า “แต้มต่อ” นั้นคืออะไร เบื่องต้นแล้วการเก็งกำไรที่มีความได้ปรียบนั้น คือการที่คุณมองเห็นโอกาสจากการที่ตลาดได้เผยออกมาในทุกๆวัน และนี่คือสิ่งที่เขาเรียกมันค่า “Edge” หรือการมองเห็นโอกาส ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับการซื้อขายครั้งใหม่ๆ นั่นคือความหมายของคำว่า “Edge” ของ Marc Douglas ครับ โดยเขาได้เขียนถึงวิธีการฝึกฝนมันเอาไว้ โดยที่มันถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการฝึกฝนจิตใจของคุณ เพื่อเรียนรู้การตอบสนองที่ถูกต้องจากสิ่งที่ตลาดเผยออกมา และยิ่งกว่านั้น คือการเรียนรู้ที่จะเป็น “นักเก็งกำไรที่มีวินัย อย่างสม่ำเสมอ” โดยสามารถตามกฎได้อย่างเคร่งครัดให้คุณคือระบบ และระบบกลายป็นตัวคุณ! โดยเริ่มต้นจากการเลือกตลาดที่จะฝึกหรือเลือกหุ้นมาสักตัวหนึ่งครับ โดยควรเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องเป็นอย่างดีและควรมีความผันผวนสูงสักหน่อย และควรระวังการใช้มาร์จินของคุณให้ดี นี่คือแนวทางที่คุณจะฝึกด้วยเงินจริงๆ แต่ผมยังไม่ต้องการให้เริ่มด้วยเงินจริงๆครับ ผมอยากให้คุณลองฝึกบนกระดาษก่อนครับ มีเรื่องเล่าในตลาดหุ้นอยู่ว่า “มีคนอยู่มากมายที่เข้ามาในตลาดหุ้นแต่มีเพียงคนเดียวที่เป็นเศรษฐีได้” โดยการเข้าซื้อขายแต่หุ้น “IBM” ทุกๆวัน ส่วนตัวผมแล้วในอดีตที่ผ่านก็เคยซื้อขายแต่หุ้น “Goldman Sach” หรือ “Apple” อยู่บ้างเหมือนกันครับ แต่เมื่อโอกาสได้เกิดขึ้นครั้งใหม่ที่ไหน ผมก็ไปอยู่ที่นั่นครับ นั่นเป็นเรื่องของการรู้จักจังหวะในตลาดหุ้น ซึ่งเราจะพูดกันในภายหลังครับ เอาละหลังจากที่เราเลือกตลาดหรือตัวหุ้นที่เราจะฝึกฝนได้แว้ว เราก็จะเลือกแนวทางที่จะซื้อขายขายกับมัน โดยในเบื้องต้นแล้วคุณควรจะมีระบบการลงทุน ของคุณเองครับ มันอาจเป็นการวิเคาระห์พื้นฐานหรือการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็ได้ เพราะการฝึกนี้ไม่เกี่ยวกับว่าระบบหรือวิธีการของคุณจะเป็นอย่างไร มันยังไม่เกี่ยวกับว่าเมื่อคุณเห็นกราฟ แล้วคุณจะคิดอย่างไร และมันไม่เกี่ยวกับว่า คุณจะได้กำไรหรือไม่ แต่มันเกี่ยวกับที่ว่าคุณจะสามารถทำตามระบบของคุณได้ไหม? โดยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม… แต่คุณยังสามารทำตามระบบได้เหมือนเดิม! ไม่ว่าระบบของคุณจะเป็นอย่างไรนั้นมันควรจะมีองค์ประกอบดังนี้

  1. Trading System Requirements
  2. Trade Entry
  3. Stop Loss Exit
  4. Time Frame
  5. Trading in Simple Size
  6. Testing
  7. Accepting Risk

นั่นคือ มันสามารถบอกจุดเข้าซื้อให้คุณได้ มันทำให้คุณรู้ว่าตรงไหนที่ควร “ตัดขาดทุน” มี “คาบเวลา หรือ Timeframe” ที่แน่นอน มันบอกจุด “ขายทำกำไร” ให้คุณได้ โดยควรทดลองซื้อขายเป็นจำนวนหลายๆครั้งหรือเป็น “Simple Size” ครับ และมีวิธีวัดผลของระบบที่แน่นอน และมีการจัดการความเสี่ยงควบคู่กันไปด้วย โดยเมื่อเราพูดถึงการเข้าซื้อนั้น ตัวแปรที่ใช้บ่งชี้ถึง “โอกาส” ของคุณควรจะมีความชัดเจนและแน่นอนคุณควรจะมีกฏ หรือพูดได้อย่างแน่นอนว่า... “ทุกๆครั้งที่หุ้น Y หล่นมาชนกับเส้น MA20 วันในขณะที่ตลาดเป็นขาขึ้น” “ผมจะซื้อ” หรือ “ทุกๆครั้งที่ MACD ตัดขึ้น... ผมจะซื้อ” ผมขอบอกอีกครั้งว่า...นี่ไม่เกี่ยวกับว่าระบบของคุณดีแค่ไหน สิ่งสำคัญก็คือ คุณนั้นต้องมีกฎ ในการเข้าซื้อที่แน่นอน ที่จะบอกได้ว่า “นี่คือจุดที่ฉันจะเข้าซื้อหุ้น” หากตลาดเข้าทาง กับกฎการซื้อของคุณ นั่นจึงเป็นจุดซื้อของคุณ หากไม่.. คุณก็ไม่ควรซื้อครับ! คุณต้องซื้อหุ้นเฉพาะเมื่อตรงกับกฎหรือระบบของคุณเท่านั้น และห้ามเข้าซื้อ ถ้ามันไม่เกิดขึ้นครับ! ในทางกลับกันแล้ว “การตัดขาดทุน” ก็เหมือนกับการซื้อเช่นกัน ทุกคนควรจะมีกฎที่แน่นอนในการซื้อขายด้วย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อมันหลุด MA20 วัน หรือหลุดเส้น MA50 วัน หรืออะไรก็ตาม คุณต้องมีกฎที่แน่นอนสำหรับการตัดขาดทุนเช่นเดียวกับการซื้อครับ เพราะนั่นจะเป็นอย่างมากมายต่อกำไรของคุณครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหุ้นนั้น ไม่วิ่งไปอย่างที่คุณคิดครับ ระบบของคุณยังต้องสามารถบอกคุณได้ว่าคุณควรจะยอมเสี่ยงแค่ไหน หากว่าทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คุณคิด พูดง่ายๆว่า หากคุณทำตามระบบของคุณ และคุณได้เริ่มเข้าซื้อตามระบบ คุณจะทำอย่างไร คุณจะรอนานแค่ไหนหรือคุณจะยอมเสี่ยงมากเท่าไหร่ ก่อนที่จะรู้ว่าระบบของคุณนั้นจะช่วยให้คุณได้กำไรในคราวนี้หรือไม่ เนื่องจากมันจะต้องมีจุดๆหนึ่งที่คุณจะไม่สามารถ ทำกำไรเพิ่มได้อีกแว้ว และควรที่จะขายออกมาดีกว่าหวังให้วิ่งกลับมาที่ครับ เรื่องของ “กรอบเวลา หรือ Time Frame” วิธีการของคุณ จะอยู่ในกรอบเวลาไหนก็ได้ เช่นผมมักจะใช้กราฟราย 5 นาที, 30 นาที หรือกราฟรายวันก็ได้ครับ อย่างไรก็ตาม กฎการเข้าซื้อและขายของคุณควรต้องใช้กรอบเวลา หรือ “Time Frame” เดียวกันครับ เช่นหากเราใช้กราฟราย 15 นาที ในการเข้าซื้อระหว่างวัน คุณก็ต้องใช้กราฟ 15 นาทีในการขายด้วย และจำไว้เสมอว่า “แนวโน้มคือเพื่อนของคุณ” ในเบื้องต้น Marc ได้บอกกับเราไว้ว่า การเก็งกำไรที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดนั้น หรือมีความน่าจะเป็นที่จะได้กำไรที่สุดคือการซื้อเมื่อหุ้นพักตัว ในแนวโน้มขาขึ้นหรือการชอร์ทเมื่อหุ้นเด้งขึ้นมาในขณะที่มันยังอยู่ในขาลงครับ ดังนั้นจงจำไว้ว่า “แนวโน้มคือเพื่อนของคุณ” และอย่าลืม สิ่งสำคัญกว่านั้นคือใช้กราฟใน Time Frame ที่คุณเข้าซื้อไปในการขายหุ้นของคุณเช่นกัน เรื่องของการ “ขายทำกำไร” นั้นเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเรื่องหนึ่ง เนื่องจากบ่อยครั้งที่ผมมีกำไรนั้นผมทนไม่ไหวรีบขายออกมา ซึ่งทำให้ได้น้อย กำไรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อคุณเล่นถูกทางนั้น จำไว้ให้ดีว่า.. คุณไม่มีทางรู้ว่ามันจะไปอีกไกลแค่ไหน ซึ่งนี่อาจเป็นทักษะหนึ่งที่ยากที่สุดในการที่คุณจะฝึกฝนมันครับ หลังจากที่คุณฝึกฝนจนมีทัศนคติที่ถูกต้อง ในการที่จะขายทำกำไร และออกจากตลาดไป หรือการรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะปล่อยหุ้นนั้นเป็นทักษะที่ยากที่สุดในการเก็งกำไรครับ เนื่องจากตลาดแทบไม่เคยวิ่งขึ้นเป็นเส้นตรง มันจะขึ้นๆลงๆ หรือย่อตัวเสมอ การที่จะรู้ว่านี่เป็นเพียงการย่อตัวธรรมดาๆ ที่มันจะเด้งขึ้น เมื่อชนกับเส้นค่าเฉลี่ย หรือว่ามันจะเป็นการเอามือไปรับมีดกันแน่..? ในทางกลับกัน หรือตลาดกำลังวิ่งขึ้นต่อ…? การรู้ถึงความแตกต่างของมันนั้นเป็นทักษะที่ยากยิ่งจะได้มันมาครับ แต่เราจะพูดถึงเรื่องนี้ในคราวหลังครับ และเราจะพูดถึงการ “ตัดขาดทุน” ในคราวหลังเช่นกันครับ เนื่องจากในตอนนี้ เรากำลังพูดกันถึงการมีกฎที่แน่นอนในการซื้อขายครับ สุดท้ายนี้.. เออๆ.. ไม่ใช่ครับ.. “การเทรดเป็นชุดๆหรือ Sample Size” ก็เพื่อวัดผลอย่างเป็นระบบว่าอะไรใช้ได้-ไม่ได้ โดยวิธีการก็คือ การแบ่งเงินทุนออกเป็นส่วนๆ เราจะไม่วางเงินทั้งหมดลงไปในคราวเดียวกัน และเราจะไม่วางเงินลงไปในการซื้อหุ้นแค่สองตัวครับ คุณควรจะกระจายเงินของคุณลงไปในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน และทำให้แน่ใจว่า มันถูกกระจายไปอย่างดี เผื่อไว้ในกรณีที่หุ้นบางตัวร่วงลงไป เงินทั้งหมดของคุณจะไม่หายไปครับ โดยคอร์สของผมนั้น จะสอนเรื่องนี้เอาไว้ครับ “การทดสอบ” นั้น จะทำควบคู่กับสิ่งที่ผ่านมานั่นคือการซื้อขายเป็น “ชุดๆ” ของคุณ คุณต้องตัดสินใจว่า คุณจะวัดผลของระบบโดยใช้จำนวนการซื้อขายกี่ครั้ง เพราะหลังจากที่คุณ ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้สัญญาณใด ในการเข้าซื้อขายของคุณ คุณควรจะต้องทำการทดสอบมันว่ามันมีประสิทธิภาพแค่ไหนด้วยครับ นักเก็งกำไรทั่วๆไปนั้น มักเอาชีวิตไปแขวนไว้กับผลการซื้อขายครั้งที่พึ่งจะผ่านๆมา หากมันทำกำไรได้ เขาจะกลับไปใช้มันแต่หากมันไม่มีกำไร เขาก็จะเลิกใช้มัน ดังนั้น คุณควรจะทดสอบระบบของคุณโดยการลองซื้อขาย ในกระดานก่อนครับ เพื่อที่คุณจะสามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าอะไรคือเหตุผล ในการซื้อขายของคุณจนคุณสามารถพูดได้ว่า “นี่คือกฎของผม” หรือคุณพูดได้ว่า “ผมไม่ได้ทำผิด แต่ระบบผมผิด” “และผมต้องทดสอบบางอย่างเพื่อเปลี่ยนมัน” “เนื่องจากตลาดได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว” จำไว้อีกครั้งว่า ตลาดไม่ได้วิ่งป็นเส้นตรง มันจะขึ้นๆลงๆไปเรื่อยๆ เช่น สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นตลาดมีความผันผวนอย่างมาก และนักลงทุนส่วนใหญ่โดยเฉพาะพวกเล่นตามแนวโน้มหรือระยะยาวจะทำไม่ได้ดีนัก เนื่องจากตลาดผันผวนมากเกินไปนั่นเอง “การยอมรับความเสี่ยง” อย่าเปลี่ยนระดับความเสี่ยงหรือตัดขาดทุนในระหว่างการถือหุ้น เพื่อความสบายใจ การรู้ถึงความเสี่ยง กับการยอมรับความเสี่ยงนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นสิ่งที่สำคัญของมันก็คือ..การเข้าถึง “ขนาดการลงทุน” ของคุณ แล้วลองทดสอบมัน หลังจากนั้นจึงตัดสินใจว่าคุณจะยอมเสี่ยงแค่ไหน ก่อนที่คุณจะขายมันทิ้งออกไปซึ่งเราพูดไปแว้วในเรื่อง “การตัดขาดทุน” “วิธีการฝึก” กฎของคุณควรจะง่ายต่อการปฏิบัติ จุดประสงค์ของการฝึกฝนนี้ก็เพื่อช่วยให้คุณกลายเป็น “ระบบ” “ทำตามระบบ และระบบจะฝึกฝนคุณเอง” ดังนั้นจงซื้อขาย ตามระบบของคุณอย่างที่คุณได้ออกมันไว้ พยายามทำตามระบบ อย่างน้อย 20 ครั้งตามกฎของคุณ ไม่ใช่แค่ซื้อขายครั้งต่อไปแต่อีก 20 ครั้งต่อไปครับ ห้ามระเมิดกฏโดยเด็ดขาด! จงทำตามระบบของคุณซะ หลังจากที่คุณทำมันได้แล้ว คุณจะเริ่มมีการพัฒนาขึ้น คุณจะเริ่มตระหนักว่า... ข้อ 1 มันจะใช้ไม่ได้ ถ้าคุณไม่ทำตามระบบครับ ข้อ 2 คุณจะเหมือนอยู่ในสวรรค์ที่คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างที่ต้องการ และคุณสามารถมองเห็นตลาดเป็นโอกาสในการทำกำไรได้ตลอดเวลา โดยไม่รู้สึกว่าระบบหรือตลาดนั้นจะคอยเล่นงานคุณอยู่เสมอ เราจะพูดถึงเรื่อง “การวางแผนการซื้อขาย” โดยจะเจาะลึกถึงส่วนของ “ตัวตน” ของคุณ รวมไปถึงการหาสัญญาณการซื้อขายการวิเคราะห์ทางเทคนิค และแผนการซื้อขาย แต่เราจะพูดกันหลังจากที่เราได้ผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้ว นี่คือขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาความเชื่อในทัศนคติที่ถูกต้องของคุณ และนี่คือสิ่งที่ Marc Douglas ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ “The Trading in The Zone” ครับ ตอนต่อไป จิตวิทยาการลงทุน ตอนที่ 3

ขอบคุณเนื้อหาจาก Youtube จิตวิทยาการลงทุน ตอนที่ 2

Subscribe to Me Life Success

Get the latest posts delivered right to your inbox